ไผ่ จตุภัทร์ เฮ! ศาลขอนแก่นยกฟ้องคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ม็อบอีสานบ่ย่านเด้อ

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธืมนุษยชน รายงานว่า ศาลแขวงขอนแก่นนัดอ่านคำพิพากษาในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ จากการที่นักศึกษา-นักกิจกรรม-หมอลำ รวม 5 ราย เข้าร่วมชุมนุม “อีสานบ่ย่านเด้อ” ที่สวนรัชดานุสรณ์ หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2563

ขอบคุณภาพจาก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

หลังยืนยันให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีมาเนิ่นนานกว่า 2 ปี ในที่สุด ศุภกร โกจารย์ศรี ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน อ่านคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, “อาร์ตยุ่น” ธนภณ เดิมทำรัมย์, “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม, “เซฟ” วชิรวิทย์ เทศศรีเมือง และเพนกวิน จำเลยนักกิจกรรมทั้ง 5 ราย เดินทางออกจากศาลด้วยความดีใจ พร้อมกับหมดภาระทางคดีไป 1 คดี

ก่อนหน้าเข้าห้องพิจารณา เพนกวินเอ่ยขึ้นอย่างทำใจว่า คดีแกนนำศาลพิพากษาลงโทษทั้งหมด เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการชุมนุม #Saveวันเฉลิม ที่สกายวอล์กปทุมวัน และชุมนุม #ม็อบมุ้งมิ้ง ที่หน้ากองทัพบก ทั้งคดี พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ จากการชุมนุมหน้า สน.บางเขน ศาลต่างพิพากษาให้เพนกวินและนักกิจกรรมคนอื่นมีความผิด บางศาลให้จำคุก แต่ให้รอลงอาญา บางศาลเพียงลงโทษปรับ

คำพิพากษายกฟ้องคดีนี้จึงเป็นคดีแรกของเพนกวินในท่ามกลางคดีจากการชุมนุมที่ถูกกล่าวหาว่า ฝ่าฝืน พ.ร.กฉุกเฉินฯ โดยไม่มีข้อหา 112 อีกกว่า 20 คดี เช่นเดียวกับไผ่ ซึ่งถือเป็นคดีจากการชุมนุมตั้งแต่ปี 63 คดีแรกของไผ่ที่มีคำพิพากษา

คำพิพากษายกฟ้องมีใจความโดยสรุปใน 3 ประเด็น ดังนี้

🎯พยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจรับฟังว่า จำเลยร่วมกันจัดการชุมนุม จึงไม่มีหน้าที่จัดมาตรการ

เห็นว่า ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 11) ข้อ 6 เป็นการบังคับให้เฉพาะเจ้าของผู้จัดการสถานที่หรือผู้จัดให้มีกิจกรรมเป็นผู้มีหน้าที่ในการจัดมาตรการป้องกันโรค แต่แม้โจทก์จะนำสืบว่าจำเลยทั้งห้าร่วมปราศรัย แต่การที่บุคคลจะขึ้นปราศรัยก็อาจจะเนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความสามารถหรือเป็นที่รู้จักของสาธารณะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมเท่านั้น ส่วนที่โจทก์นำสืบว่า จําเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันปิดป้ายกระดาษ เตรียมไฟ และติดป้ายผ้า ก็หาใช่เป็นเรื่องผิดปกติของคนทั่วไปไม่ ข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ได้บ่งชี้ว่า จำเลยทั้งห้าเป็นผู้ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุม

🎯แม้ไม่สวมแมสก์ขณะปราศรัย แต่เสี่ยงน้อย เหตุอยู่ห่างผู้ชุมนุม อีกทั้งประกาศขอนแก่นไม่เคร่งครัด ตำรวจ – สาธารณสุข ร่วมกิจกรรมโดยไม่สวมแมสก์เช่นกัน

ส่วนข้อที่ว่าจำเลยทั้งห้าฝ่าฝืนประกาศจังหวัดขอนแก่น ฉบับที่ 8 ที่กำหนดให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เห็นว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่า ขณะออกจากบ้านจำเลยทั้งห้าได้ฝ่าฝืนประกาศจังหวัดขอนแก่นดังกล่าวโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ แม้มีภาพจำเลยขณะขึ้นปราศรัยบนเวทีที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย แต่การประชุมของตำรวจและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นที่จัดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับขณะเกิดเหตุนั้นก็มีภาพผู้เข้าร่วมบางคนไม่สวมหน้ากากอนามัย เห็นได้ว่า ประกาศจังหวัดขอนแก่นไม่ได้เคร่งครัดถึงขนาดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

สวนรัชดานุสรณ์ที่เกิดเหตุเป็นที่โล่งสามารถบรรจุคนได้เป็นจํานวนประมาณ 30,000 คน ซึ่งในวันเกิดเหตุมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 1,500-1,800 คน ไม่ถือว่าแออัด สอดคล้องกับภาพถ่ายของจำเลยทั้งห้าขณะร่วมกิจกรรมบนเวทีซึ่งมีการเว้นระยะห่างระหว่างกัน และทิ้งระยะห่างจากผู้ชุมนุม โดยสภาพทั่วไปมีความเสี่ยงต่อการแพร่โควิดน้อย อีกทั้งจากทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่ามีจำเลยคนใดติดโควิดภายหลังการเข้าร่วมชุมนุม

พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 โดยไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามที่กําหนด

🎯จำเลยใช้ไมค์ปราศรัย แต่ไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับการจัดเตรียมเครื่องเสียง

ส่วนข้อที่ว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งห้าเป็นผู้ใช้ไมค์ในการกล่าวปราศรัยในวันเกิดเหตุ แต่หาได้ปรากฏว่าจำเลยทั้งห้ามีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องในการจัดหาหรือจัดเตรียมเครื่องเสียงดังกล่าว เมื่อเนื้อหาเกี่ยวกับการขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงมีลักษณะเป็นการบัญญัติให้ผู้ที่ประสงค์จะทำการโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียงในครั้งนั้นเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาต การที่บุคคลใดซึ่งเป็นเพียงผู้ใช้เครื่องขยายเสียงหากมิได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการจัดหาและนำเครื่องขยายเสียงมาใช้ในวันดังกล่าวด้วยแล้ว ย่อมไม่มีความผิดเกี่ยวกับการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

นักศึกษา-นักกิจกรรม-หมอลำ รวม 5 ราย เข้าร่วมชุมนุม “อีสานบ่ย่านเด้อ” ที่สวนรัชดานุสรณ์ หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2563